|
ชื่อผู้วิจัย นางสุภาพร รักษากลาง ครู
วิทยฐานะครูชำนาญการ
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ 2) เพื่อเปรียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
5 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย
เรื่อง ชุดคำ 7 ชนิด
กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้
โดยการสุ่มอย่างง่ายด้วยโดยใช้หน่วยชั้นเรียนโดยวิธีการจับฉลาก ซึ่งได้แก่
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 ของโรงเรียนเทศบาล ๒ วัดแก้วจันทราราม อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 36 คน ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้โดยคละความสามารถ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์เนื้อหา ค่าความถี่ ร้อยละ
ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผลและการทดสอบค่าที ผลการวิจัย
พบว่า
1) ผลการสร้างแบบฝึกเสริมทักษะ
พบว่า การหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย เรื่อง ชุดคำ 7 ชนิด ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่
5 กลุ่มเป้าหมาย ได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 83.74/82.13
สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 80/80
เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ และได้ค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) เท่ากับ 0.65 หรือคิดเป็นร้อยละ 65
ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้คือร้อยละ 50
2)
ผลการเปรียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
พบว่าค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3) ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ที่มีต่อการเรียนด้วย โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
พบว่า มีความคิดเห็นโดยแบบรวมนักเรียนมีความคิดเห็นอยู่ในระดับ
มากที่สุด (= 4.53)